Burnout Syndrome คือโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเบื่อหรือหมดไฟในการทำงาน มีสาเหตุมาจากการทำงานหนักมากเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมไปถึงความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานและไม่สามารถรับมือได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และยังทำให้ความสนใจในงานลดลงตามไปด้วย โดย Dr. Ballard ได้บอกถึงอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคชนิดนี้ไว้ดังนี้
- ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
หากอยู่ๆ เกิดรู้สึกไม่อยากไปทำงาน หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความกระตือรือร้นที่จะตื่นไปทำงานเหมือนทุกที ก็แปลว่าเรากำลังเป็นโรค Burnout Syndrome อยู่นั่นเอง แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์จะดีที่สุด
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
เมื่อก่อนอาจจะเป็นคนที่ทำงานดีโดยสม่ำเสมอ แต่พอถึงจุดที่ทำงานหนักเกินไปก็จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ซึ่งความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานนี้เองที่จะทำให้คุณภาพของงานที่ทำลดลง ทำงานได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ควรรีบรักษาอาการนี้ให้หายเพื่อไม่ให้งานมีปัญหา
- มองโลกในแง่ลบ
หากวันหนึ่งพบว่าตัวเองเปลี่ยนไปกลายเป็นคนอารมณ์ร้าย หงุดหงิดง่าย มองทุกอย่างในแง่ลบ เริ่มที่จะทำอะไรโดยไม่สนใจใครและมีทัศนคติที่ไม่ดีกับงาน แสดงว่ากำลังเป็นโรค Burnout Syndrome ควรรีบไปพบจิตแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
- มีความสุขน้อยลง
ถ้าอยู่ดีๆ รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่มีความสุข ทำยังไงก็ไม่หาย แปลได้ว่ากำลังเป็นโรค Burnout Syndrome ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียกับงานแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย ทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิตและการทำงานน้อยลง
- อ่อนเพลีย เหนื่อยตลอดเวลา
อีกหนึ่งสัญญาณเตือนของโรคทางจิตเวชชนิดนี้คืออาการอ่อนเพลีย ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออารมณ์ สภาพจิตใจ และสภาพร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
- ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
ความเครียดและความเหน็ดเหนื่อยจากงานจนทำให้ละเลยการดูแลตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนของโรค Burnout Syndrome โดยเรามักจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีผิดๆ เช่น ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วยังทำลายสุขภาพอีกด้วย
- สุขภาพย่ำแย่
ความเครียดและความเหน็ดเหนื่อย บวกกับการไม่ดูแลตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้มากมาย เช่น ปัญหาระบบย่อยอาหารหรือโรคอ้วน และที่อันตรายยิ่งกว่าคือโรคซึมเศร้า หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบรักษาโดยเร็วที่สุด
แม้ว่าโรค Burnout Syndrome จะส่งผลเสียกับงานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่เราก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง โดยอาจลองทำกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และจัดระเบียบชีวิตใหม่โดยเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
รูปภาพ : freepik.com
ข้อมูล : kapook.com








