สอบถามข้อมูล LINE: @bookplus เพิ่มเพื่อน

เข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปีที่เป็นเดือนสุดพิเศษสำหรับใครหลายๆ คน เพราะในเดือนนี้นอกจากจะเป็นเดือนสุดท้ายก่อนจะเริ่มต้นปีใหม่แล้ว ยังเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง “เทศกาลคริสต์มาส” เทศกาลแห่งความสุขในศาสนาคริสต์ที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูแล้ว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ ตามบ้านเรือนหรือสถานที่ต่างๆ ก็จะมีการประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟ มีต้นคริสต์มาส ซานตาคลอส และของประดับตกแต่งอื่นๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำวันคริสต์มาส

ที่มาของคำว่า “Christmas”

คำว่า “Christmas” มีที่มาจากคำภาษาอังกฤษในสมัยกลางคือ “Christemasse” ซึ่งเป็นการรวมคำว่า Cristes และ mæsse จากภาษาอังกฤษเก่าเข้าด้วยกัน เป็นคำที่พบครั้งแรกในเอกสารที่บันทึกในปี ค.ศ. 1038 โดยคำว่า Cristes มาจากภาษากรีกคือ Christos และคำว่า “mæsse” มาจากภาษาละตินคือ missa ซึ่งหมายถึงการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท เมื่อนำทั้งสองคำนี้มารวมเป็นคำว่า “Christmas” จึงหมายถึง “พิธีมิสซาของพระคริสต์” โดยพิธีมิสซาคือพิธีในศาสนาคริสต์ที่จะปฏิบัติกันในวันคริสต์มาส ถือเป็นพิธีทางศาสนาที่สำคัญที่สุดของคริสต์ศาสนิกชน

และเนื่องจากเป็นวันสำคัญในการเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู จึงถือให้เป็นวันหยุดราชการและวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรมในหลายประเทศทั่วโลก มีการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสทั้งในกลุ่มคนที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนและคนที่ไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชน

ทำไมวันคริสต์มาสถึงตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม?

การเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสนั้นจะจัดกันในหลายๆ ประเทศทั่วโลกในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) ที่บันทึกการประสูติของพระเยซูเอาไว้ว่า พระองค์ได้ประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ออกัสตัสรับสั่งให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยเจ้าครองเมืองซีเรียในสมัยนั้นคือคีรินิอัส แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเป็นวันไหนหรือเดือนอะไร

กระทั่งมีนักประวัติศาสตร์ได้ออกมาให้เหตุผลที่คริสต์ศาสนิกชนเลือกวันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมาว่า เนื่องจากในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียนได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง โดยชาวโรมันจะทำการเฉลิมฉลองกันในวันนี้ และถือเสมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปด้วย เพราะพระจักรพรรดินั้นก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์

แต่การเฉลิมฉลองวันเกิดของสุริยเทพนี้ทำให้คริสต์ศาสนิกชนที่อยู่ในจักรวรรดิโรมันรู้สึกอึดอัดใจ จึงเปลี่ยนมาเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูแทน จากนั้นก็มีการฉลองกันเรื่อยมาจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 ก็เริ่มให้มีการฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรงมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 – 313 ทำให้คริสต์ศาสนิกชนไม่สามารถเฉลิมฉลองอย่างเปิดเผยได้นั่นเอง

ความสำคัญของวันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส นอกจากจะเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูแล้ว ยังเป็นวันแห่งการระลึกถึงและเฉลิมฉลองให้กับความรักความเสียสละที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลกอีกด้วย เพราะความรักที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์ พระองค์ได้ทรงยอมส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวนั่นก็คือ “พระเยซู” ให้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่บนโลก เพื่อให้พระเยซูได้ช่วยไถ่บาป ช่วยให้มนุษย์ได้รอดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย และเพื่อช่วยมนุษย์จากการเป็นทาส

ดังนั้น วันคริสต์มาสจึงถือเป็นวันที่มีความสำคัญต่อคริสต์ศาสนิกชนเป็นอย่างมาก โดยในวันคริสต์มาสของทุกๆ ปีจะมีการเฉลิมฉลอง การประดับตกแต่งสวยงาม มีการทานอาหารมื้อพิเศษร่วมกัน รวมทั้งมีการให้ของขวัญและมอบคำอวยพรให้แก่กันและกันด้วย

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : th.wikipedia.org, ru.ac.th

รูปภาพ : freepik.com, pixabay.com