Site iconSite icon โรงพิมพ์ดิจิตอล BookPlus โรงพิมพ์ราคาถูก

อากาศร้อนแบบนี้ ป้องกันการเกิดโรคฮีทสโตรกอย่างไร

สอบถามข้อมูล LINE: @bookplus

ช่วงที่อากาศร้อนถึงร้อนจัดแบบนี้คงไม่มีใครอยากจะออกจากบ้านไปเจอแดดเจออากาศอบอ้าวให้เหงื่อออกเป็นว่าเล่น ถึงเทคโนโลยีจะก้าวหน้ามีครีมกันแดดให้ใช้ แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้เมื่อเจอความแรงของแดดประเทศไทยเข้าไป ยิ่งช่วงนี้บ้านเราแดดร้อนมากๆ จนอาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด ได้ง่ายๆ จึงไม่ควรออกแดดในช่วงที่อากาศร้อนมากหากไม่จำเป็น

โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือ โรคลมแดด แม้จะเป็นโรคที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง แต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยโรคที่มากับอากาศร้อนนี้เกิดจากการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด ทำให้สมองในส่วนของการควบคุมอุณหภูมิร่างกายทำงานผิดปกติ ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้ เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส เกิดเป็นโรคฮีทสโตรกซึ่งมีอาการเบื้องต้นคือ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หน้ามืด ไข้ขึ้นสูง ชัก คลื่นไส้ ไม่มีเหงื่อ หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้

การเตรียมตัวรับมือกับอากาศร้อนเพื่อป้องกันการเกิดโรคฮีทสโตรก

ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว หรือวันละ 2 ลิตรหากต้องอยู่ในที่ที่อากาศร้อนจัดหรือต้องสัมผัสกับแดดเป็นเวลานาน

สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบาง สีอ่อน จะช่วยระบายความร้อนได้ดี

ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง

หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดหรือในที่ที่มีอากาศร้อนจัด

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น และควรเลี่ยงการทานยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก โดยเฉพาะก่อนการออกกำลังกายหรือการอยู่ในที่ที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน

ไม่ควรปล่อยให้เด็กและคนชราอยู่ในรถที่ปิดสนิทตามลำพัง และควรให้อยู่ในสถานที่หรือในห้องที่อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก

หากพบเห็นผู้ที่มีอาการของโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ให้รีบพาเข้ามาในที่ร่มแล้วจัดให้อยู่ในท่านอนราบ ยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก หากมีอาการอาเจียนให้นอนตะแคง เมื่ออาเจียนเสร็จให้นอนหงาย คลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามตัว ศีรษะ คอ รักแร้ เชิงกราน เปิดพัดลมช่วยระบายความร้อนหรือราดน้ำเย็นลงบนลำตัวเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายให้ต่ำลงโดยเร็ว หรือใช้ผ้าเย็นเช็ดตามตัวและหน้า ให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

 

ที่มา : freepik.com

Exit mobile version