สำหรับวงการสื่อสิ่งพิมพ์ การปรู๊ฟ (Proof) คือการนำตัวอย่างงานพิมพ์ให้ลูกค้าทำการตรวจสอบความเรียบร้อยและความถูกต้องก่อนการพิมพ์หรือผลิตจริง โดยในขั้นตอนการตรวจสอบงานพิมพ์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ปรู๊ฟงาน จุดที่ลูกค้าจะต้องทำการตรวจสอบคือเนื้อหาหรือข้อความ การสะกดคำ ความคมชัดและสีของรูปภาพ การจัดเรียง การเข้าเล่ม การพับ และรายละเอียดอื่นๆ รวมไปถึงระยะตัดตกสำหรับการตัดเจียนและเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่ต้องดูให้ละเอียด เพราะในขั้นตอนการเตรียมไฟล์อาร์ตเวิร์ค ทางโรงพิมพ์อาจต้องมีการปรับอาร์ตเวิร์คตามความเหมาะสม
ปัจจุบันการปรู๊ฟงานนิยมทำกันในหลายรูปแบบ โดยหลักๆ จะมีอยู่ 4 รูปแบบ คือ
- การปรู๊ฟออนไลน์
การปรู๊ฟออนไลน์เป็นรูปแบบการปรู๊ฟงานที่นิยมมากที่สุด เพราะมีข้อดีคือสะดวกรวดเร็ว สามารถตรวจสอบได้อย่างแม่นยำและยังประหยัดค่าใช้จ่าย การปรู๊ฟไฟล์งานรูปแบบนี้จะเป็นการปรู๊ฟไฟล์ที่เป็น PDF ก่อนการทำเพลท สามารถตรวจสอบได้ทั้งข้อความ การสะกดคำ ความคมชัดของรูปภาพและเอฟเฟกต์ แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องสี เพราะสีที่แสดงผลผ่านหน้าจอคือระบบสี RGB ซึ่งจะไม่ตรงกับสีที่พิมพ์ออกมาแล้วซึ่งจะเป็นระบบสี CMYK
- การปรู๊ฟดิจิทัล
การปรู๊ฟแบบดิจิทัลคือการปรู๊ฟที่นิยมทำหลังจากที่ทำการปรู๊ฟออนไลน์แล้ว เพื่อเป็นการตรวจสอบรายละเอียดในจุดต่างๆ ให้แน่ชัดอีกครั้ง วิธีการปรู๊ฟรูปแบบนี้คือการพิมพ์งานผ่านเครื่องดิจิทัลพริ้นท์ ซึ่งลูกค้าจะได้เห็นตัวอย่างของงานที่มีความใกล้เคียงกับงานจริง 80 – 90% รวมไปถึงความใกล้เคียงของสีก็จะอยู่ที่ประมาณ 85 – 90% ด้วยเช่นกัน
- การปรู๊ฟหน้าแท่น
สำหรับการปรู๊ฟหน้าแท่นจะเป็นการตรวจสอบงานที่หน้าแท่นพิมพ์ โดยการปรู๊ฟรูปแบบนี้จะเน้นความแม่นยำในการดูสี จึงเหมาะกับงานที่ต้องมีความละเอียดหรือความแม่นยำในเรื่องของสี เช่น งานบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง หรือยาต่างประเทศ การตรวจสอบจะตรวจจากกระดาษและเพลทจริง ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพของงานโดยประมาณ 95 – 97%
- การปรู๊ฟเพลทหรือปรู๊ฟจริง
สุดท้ายคือการปรู๊ฟเพลทหรือปรู๊ฟจริง การปรู๊ฟงานในรูปแบบนี้จะมีความละเอียดมากกว่าการปรู๊ฟแบบดิจิทัล เป็นการปรู๊ฟลงบนกระดาษจริงๆ จึงทำให้งานที่ออกมามีความใกล้เคียงกับงานจริงสูงถึง 85 – 95% โดยการปรู๊ฟแบบนี้จะต้องทำเพลทจริงก่อน จากนั้นจึงใช้เครื่องปรู๊ฟที่เลียนแบบเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ตเพื่อทำปรู๊ฟ ส่วนใหญ่จะใช้กับงานที่ต้องการความถูกต้องและแม่นยำโดยเฉพาะเรื่องสี
การปรู๊ฟงานก่อนการพิมพ์หรือผลิตจริงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะการปรู๊ฟจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องและความเรียบร้อยของงาน หากทำการพิมพ์จริงโดยไม่มีการปรู๊ฟ งานที่ได้อาจเกิดความผิดพลาด ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และอาจทำให้เกิดความเสียหายและเสียเวลาในการแก้งานซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม